เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

05 พ.ย. 2025

กลยุทธ์

วิธีการเทรดทองคำ

ในบทเรียนนี้
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาทองคำการตั้งค่าทางเทคนิคสำหรับการเทรดทองคำภาพรวมผู้เล่นในตลาดตราสารการซื้อขายทองคำการเทรดตามข่าวกลยุทธ์การเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์กลยุทธ์การเทรดตามฤดูกาลการจัดการความเสี่ยงเมื่อเทรดทองคำกลไกและต้นทุนในการเทรดข้อผิดพลาดทั่วไปในการเทรดทองคำคำถามที่พบบ่อย (FAQ)อภิธานศัพท์

วิธีการเทรดทองคำ

การเทรดทองคำไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโลหะสีเหลืองนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ หรือคู่สกุลเงินในตลาดฟอเร็กซ์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีกลยุทธ์อันเป็นที่รู้จักหลายประการที่สามารถสนับสนุนให้คุณบรรลุผลสำเร็จในการเทรดทองคำได้

ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ

ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ

ก่อนที่จะนำกลยุทธ์มาใช้ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่ขับเคลื่อนตลาดทองคำอย่างแท้จริง

ปัจจัยหลัก ได้แก่

  1. ความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ
    ทองคำมีราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นเมื่อดอลลาร์แข็งค่า ทองคำก็มักจะปรับตัวลง และในทำนองกลับกัน

  2. อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง
    การลดลงของอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ) จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทองคำ ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจะทำให้ทองคำมีความน่าสนใจน้อยลง

  3. เงินเฟ้อและนโยบายการเงิน
    เงินเฟ้อสูงและนโยบายธนาคารกลางที่ผ่อนปรนมักสนับสนุนทองคำในฐานะเครื่องป้องกันความเสี่ยง ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างดุดันมักสร้างแรงกดดันให้กับทองคำ

  4. ความต้องการของธนาคารกลาง
    การซื้อหรือขายทองคำโดยธนาคารกลางจะส่งผลโดยตรงต่อความต้องการโลกและแนวโน้มราคาในระยะยาว

  5. ความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์และวิกฤตการณ์
    สงคราม การคว่ำบาตร การโจมตีของผู้ก่อการร้าย หรือความไม่แน่นอนทางการเมืองทั่วโลก ต่างผลักดันให้นักลงทุนหันไปสู่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

  6. ความรู้สึกต่อความเสี่ยงของตลาด
    เมื่อความกลัวยึดครองตลาด ผ่านการเทขายหุ้น ปัญหาด้านการธนาคาร หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย นักลงทุนมักโยกย้ายเงินไปลงทุนในทองคำ

  7. ข่าวสาร
    เหตุการณ์สำคัญอย่างเช่น การประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) และการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FOMC) สามารถทำให้ทองคำเกิดการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงในระยะสั้น

การทำความเข้าใจปัจจัยขับเคลื่อนเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม: ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองต่อข่าวสาร การเทรดตามความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ หรือการติดตามรูปแบบตามฤดูกาล

การตั้งค่าทางเทคนิคสำหรับการเทรดทองคำ

ก่อนจะเลือกใช้กลยุทธ์ใด ๆ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจวิธีที่เทรดเดอร์ใช้กราฟวิเคราะห์พฤติกรรมของทองคำ โดยการตั้งค่าเครื่องมือทางเทคนิคถือเป็นพื้นฐานในการกำหนดจังหวะเข้าซื้อ-ขาย

แนวรับและแนวต้าน

ให้จับตาระดับแนวรับและแนวต้านอย่างใกล้ชิด โดยใช้กรอบเวลาที่หลากหลายในการระบุระดับสำคัญตามกลยุทธ์ของคุณ รวมถึงตัวเลขจิตวิทยาสำคัญ ๆ อย่าง 3900 และ 4000 ก็ควรติดตามเป็นพิเศษ

ตัวบ่งชี้

เครื่องมือเช่น Moving Average, RSI และ MACD จะช่วยวัดโมเมนตัมและระบุความเป็นไปได้ที่จะเกิดการกลับตัว การที่เส้น MACD ตัดขึ้น และ RSI อยู่ในโซนขายมากเกินไป นั่นอาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าแรงซื้อกำลังจะกลับมา

รูปแบบแท่งเทียน

รูปแบบต่าง ๆ เช่น Hammer หรือ Inside Bar ที่ปรากฏใกล้แนวรับ-แนวต้านสำคัญ อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนของอารมณ์ตลาด สิ่งนี้จะช่วยกำหนดจังหวะการเข้าซื้อ-ขายได้แม่นยำมากขึ้น

เทรดเดอร์ที่เก่งมักไม่พึ่งสัญญาณเดียว

พวกเขาจะรวมข้อมูลหลายประเภทเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณทางเทคนิค ทิศทางของดอลลาร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และนโยบายของธนาคารกลาง เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจเข้าซื้อขาย

ภาพรวมผู้เล่นในตลาด

การซื้อขายทองคำมีผู้เล่นหลากหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะส่งผลต่อตลาดในรูปแบบที่ต่างกัน การทำความเข้าใจว่าพวกเขาคือใครและทำอะไรบ้าง จะช่วยให้คุณเห็นว่าทำไมทองคำถึงเคลื่อนไหวในแบบที่เห็น

ธนาคารกลาง

ธนาคารกลางเก็บทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ การเพิ่มพูนทุนสำรองทองคำมักส่งผลบวกต่อราคา ในทางกลับกันการขายอาจทำให้ราคาร่วงได้ การกระทำของพวกเขามักส่งผลต่อแนวโน้มระยะยาวมากกว่าการเคลื่อนไหวระยะสั้น

ผู้ป้องกันความเสี่ยง

ผู้ผลิต บริษัททำเหมือง และผู้ค้าเครื่องประดับใช้การป้องกันความเสี่ยงเพื่อปกป้องกำไรเมื่อราคาทองคำเปลี่ยนแปลง

บริษัททำเหมืองอาจขายสัญญาฟิวเจอร์สเพื่อล็อคราคาทองคำที่วางว่าจะผลิตในอนาคต การทำเช่นนี้ช่วยให้รู้รายได้ล่วงหน้าแม้ว่าราคาจะตกก็ตาม การซื้อขายแบบนี้อาจก่อให้เกิดแรงขายระยะสั้นได้ แต่เป้าหมายหลักคือการรักษาความมั่นคงของกำไร ไม่ใช่การเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา

นักเก็งกำไรและเทรดเดอร์

เทรดเดอร์รายย่อย เฮดจ์ฟันด์ และบริษัทลงทุน ต่างซื้อขายทองคำเพื่อหากำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา เนื่องจากพวกเขาใช้เงินทุนจำนวนมากและมักซื้อขายตามข่าวสำคัญหรือข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมา กิจกรรมของพวกเขาจึงส่งผลต่อความผันผวนของตลาดได้

กองทุน ETF และสถาบันการเงิน

กองทุน ETF ถือทองคำจริงเพื่อค้ำประกันหุ้นของกองทุน เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นกองทุนเหล่านี้ กองทุนจะต้องเพิ่มปริมาณทองคำในครอบครอง ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อนักลงทุนขายหุ้นกองทุน ทองคำบางส่วนจะถูกปล่อยออกมา ซึ่งอาจกดดันให้ราคาลดลง กระแสเงินจากสถาบันขนาดใหญ่เช่นนี้สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อความเชื่อมั่นในตลาดเปลี่ยนไป

ตราสารการซื้อขายทองคำ

มีหลายวิธีที่คุณสามารถใช้เทรดทองคำได้ โดยแต่ละตราสารจะมีลักษณะเฉพาะ ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงเป็นของตัวเอง บางครั้งเทรดเดอร์อาจใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น ใช้ตลาดสปอตทองคำสำหรับการเทรดระยะสั้น และใช้ ETF หรือหุ้นเหมืองแร่สำหรับการลงทุนในระยะยาว

สปอตทองคำ (XAUUSD)

นี่คือวิธีเทรดทองคำที่ตรงที่สุด โดยคุณจะซื้อหรือขายทองคำเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAUUSD) ตามราคาตลาดปัจจุบัน

  • มีสเปรดต่ำและสภาพคล่องสูง

  • สามารถเทรดด้วยมาร์จิ้นได้

  • ไม่มีวันหมดอายุ สามารถถือสถานะได้ตราบเท่าที่มาร์จิ้นยังพอใช้

  • ข้อเสีย: ราคามีความผันผวนสูงในช่วงที่ตลาดหรือข่าวสำคัญเคลื่อนไหว และอาจเกิดช่องว่างระหว่างราคาระหว่างช่วงเวลาตลาดหนึ่งกับช่วงเวลาตลาดถัดไป

สัญญาฟิวเจอร์สทองคำ

ฟิวเจอร์สทองคำทำให้คุณตกลงราคาทองคำในปัจจุบัน แต่ชำระราคาในอนาคต โดยซื้อขายในตลาดใหญ่เช่น COMEX สัญญาแต่ละฉบับจะครอบคลุมทองคำปริมาณคงที่ (ปกติ 100 ทรอยออนซ์) ที่จะส่งมอบในวันข้างหน้าตามที่กำหนด

  • มีสภาพคล่องสูงและมีความโปร่งใส

  • สามารถเปิดได้ทั้งสถานะ Long และ Short

  • ข้อเสีย: ต้องการเงินทุนสูงกว่าและมีวันหมดอายุ

กองทุน ETF ทองคำ

กองทุนเหล่านี้จะติดตามราคาทองคำและซื้อขายเหมือนหุ้น มันช่วยให้คุณเทรดทองคำโดยไม่ต้องถือครองทองคำจริง นับเป็นทางเลือกแบบง่าย ๆ สำหรับนักลงทุนระยะยาว ตัวอย่างเช่น SPDR Gold Shares (GLD) หรือ iShares Gold Trust (IAU)

  • เข้าถึงง่ายผ่านบัญชีซื้อขายหุ้นปกติ

  • ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาหรือการส่งมอบ

  • ข้อเสีย: มีค่าธรรมเนียมจัดการเล็กน้อย และไม่สามารถใช้เลเวอเรจสูงได้เหมือนในตลาดสปอต

หุ้นบริษัททำเหมืองทองคำ

คุณยังสามารถซื้อขายหุ้นของบริษัททำเหมืองทองคำได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น Newmont (NEM) หรือ Agnico Eagle Mines (AEM) หุ้นเหล่านี้มักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับทองคำ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นไปด้วยอัตราเดียวกัน เนื่องจากผลประกอบการของบริษัท หนี้สิน และต้นทุนการผลิต ล้วนส่งผลต่อราคาหุ้น ทำให้มีความเสี่ยงทางธุรกิจที่ทองคำไม่มี อย่างไรก็ตาม หุ้นเหมืองทองมักให้เลเวอเรจกับราคาทองคำ เนื่องจากเมื่อทองคำขึ้น มูลค่าหุ้นผู้ผลิตมักเพิ่มขึ้นมากกว่า

การเทรดตามข่าว

นอกเหนือจากสถิติทั่วไปแล้ว ทองคำยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ ภัยพิบัติระดับโลก การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และวิกฤตต่าง ๆ เนื่องจากทองคำมีความเชื่อมโยงอย่างแน่นหนากับตลาดหุ้นและตลาดวัตถุดิบต่าง ๆ

เมื่อมีข่าวสำคัญออกมา ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในแบบที่คาดเดาไม่ได้ หลังจากการเผยแพร่รายงานสำคัญหรือเหตุการณ์ระดับโลก ราคาอาจแกว่งตัวไปทั้งสองด้านก่อนจะเข้าที่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการรอสักพ่อน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดก่อนเข้าซื้อขาย เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มตลาดได้ชัดเจนขึ้นหลังจากความผันผวนแรก ๆ ลดลง

ตัวอย่างเช่น การตกอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้นส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้คุณเปิดสถานะ Long ได้

กลยุทธ์การเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์

เป็นที่รู้กันดีว่าทองคำมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับดอลลาร์สหรัฐ นั่นหมายความว่าเมื่อทองคำปรับตัวขึ้น ดอลลาร์สหรัฐก็จะปรับตัวลง สัญญาณซื้อทองคำมักหมายถึงสัญญาณขายสำหรับดอลลาร์สหรัฐ และในทำนองกลับกัน สิ่งที่ควรรู้คือสัญญาณหนึ่งอาจปรากฏก่อนอีกสัญญาณเสมอ ซึ่งนี่คือโอกาสทางการซื้อขายที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบการยืนยันสัญญาณเสมอ

การตั้งค่าการเทรดด้วยความสัมพันธ์ระหว่าสินทรัพย์

กลยุทธ์การซื้อขายตามปัจจัยพื้นฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์

ต่อไปนี้คือขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับการเทรดทองคำโดยอาศัยความสัมพันธ์กับดอลลาร์

  1. เปิดกราฟทองคำ (XAUUSD) ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) และคู่สกุลเงินดอลลาร์เช่น USDJPY ในกรอบเวลาเดียวกัน เช่น H1

  2. ขีดเส้นระดับแนวรับและแนวต้านบนทุกกราฟ จากนั้นให้สังเกตการเบรกเอาต์ หรือจังหวะที่ทองคำและดอลลาร์เคลื่อนไหวสวนทางกัน

  3. ตรวจสอบรูปแบบแท่งเทียนเพื่อประเมินทิศทางที่ราคาอาจมุ่งไป สำหรับการเข้าเทรด หาก DXY หรือ USDJPY ทะลุแนวต้านขึ้นไป นั่นมักบ่งบอกถึงความอ่อนแอของทองคำ แต่ถ้าหากทะลุแนวรับลงมา นั่นมักส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งของทองคำ

  4. วาง Stop Loss ไว้หลังจุดสูงสุดหรือต่ำสุดล่าสุด หรือเหนือ/ใต้แนวรับ-แนวต้านที่ชัดเจน

  5. กำหนดเป้าหมายกำไรด้วยอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ 1:2 โดยคุณอาจเก็บกำไรบางส่วนเมื่อราคาแตะระดับสำคัญถัดไป

  6. ยกเลิกคำสั่งซื้อขายหากทองคำไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ภายใน 2-3 แท่งเทียน หรือเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวในทิศทางตรงข้าม

นี่คือกลยุทธ์การเทรดทองคำโดยใช้ความสัมพันธ์กับดอลลาร์สหรัฐ:

  1. เปิดกราฟราคาทองคำและคู่สกุลเงินของดอลลาร์สหรัฐ (เช่น USD/JPY) พร้อมกันบนแพลตฟอร์มซื้อขาย โดยต้องใช้กรอบเวลาเดียวกันทั้งสองกราฟ (เช่น H1)

  2. กำหนดแนวรับ-แนวต้านหลักบนทั้งสองกราฟ แล้วรอให้เกิดเบรกเอาต์ ให้ติดตามรูปแบบแท่งเทียนเพื่อประเมินทิศทางที่ราคาอาจเคลื่อนที่ไป

บางครั้งคุณอาจเห็นเส้นแนวต้านบนกราฟ USDJPY แต่ไม่พบแนวรับที่ชัดเจนบนกราฟทองคำ โปรดทราบว่า การที่ราคาเบรกเอาต์ผ่านแนวต้านบนกราฟ USDJPY ในบางครั้งอาจตามมาด้วยสัญญาณขายบนกราฟทองคำ ดังนั้น หากดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งบนคู่เงิน USDJPY สิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณให้ทำการขายทองคำได้

กลยุทธ์การซื้อขายตามปัจจัยพื้นฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์

กลยุทธ์การซื้อขายตามปัจจัยพื้นฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์

จากรูปแบบแท่งเทียนขาลงที่ปรากฏบนกราฟ USDJPY กรอบเวลา H1 อาจบ่งชี้ว่าดอลลาร์เริ่มสูญเสียโมเมนตัม ซึ่งอาจส่งผลให้ทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรยืนยันสัญญาณด้วยปัจจัยอื่นเพิ่มเติม เช่น แนวโน้มหลัก ระดับแนวรับ-แนวต้าน หรือสัญญาณจากเครื่องมือวัดโมเมนตัม ก่อนเข้าทำการซื้อขาย

ทองคำมักมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับคู่เงิน AUDUSD เนื่องจากออสเตรเลียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก ราคาทองคำจึงสามารถส่งผลต่อมูลค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียได้ เมื่อราคาทองคำสูงขึ้น รายได้จากการส่งออกจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ AUD ในทางกลับกัน เมื่อทองคำราคาตกลง มูลค่าเงินก็อาจอ่อนค่าตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่สิ่งคงที่เสมอไป เพราะคู่เงิน AUDUSD ยังได้รับอิทธิพลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนโลก อัตราดอกเบี้ย และความต้องการสินค้าส่งออกของออสเตรเลียจากจีน นอกจากนี้ นโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ก็มีผลต่อความสัมพันธ์ดังกล่าว เมื่อ RBA ปรับลดอัตราดอกเบี้ย นั่นอาจทำให้ความต้องการ AUD ลดลง แม้ว่าราคาทองคำจะทรงตัวหรือปรับสูงขึ้นก็ตาม จากรูปภาพด้านล่าง เราจะสังเกตเห็นว่าช่วงที่ออสเตรเลียปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการอ่อนค่าลงของทองคำและ AUD แต่รูปแบบเหล่านี้ไม่ได้ตายตัว เนื่องจากทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพของตลาดโลกในขณะนั้น

กลยุทธ์การซื้อขายตามปัจจัยพื้นฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์

กลยุทธ์การเทรดตามฤดูกาล

กลยุทธ์การซื้อขายตามฤดูกาล

ราคาทองคำมักมีรูปแบบการเคลื่อนไหวตามฤดูกาล ทองคำอาจแข็งค่าขึ้นในช่วงเวลาบางช่วงของปี และอ่อนค่าลงในช่วงเวลาอื่น ๆ จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ราคาทองคำมักมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี และบางครั้งก็เพิ่มขึ้นต่อไปจนถึงสิ้นปี อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกปี สิ่งสำคัญคือต้องจดจำไว้เสมอว่า

รูปแบบราคาในอดีตไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ในอนาคตได้

ปัจจัยอื่น ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และสถานะการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ก็สามารถส่งผลต่อรูปแบบฤดูกาลได้เช่นกัน

  • ขั้นตอนแรก ให้ซื้อทองคำในเดือนที่ราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามประวัติศาสตร์ ซึ่งมักจะเป็นช่วงต้นปี (มกราคมและกุมภาพันธ์)

  • ให้รอการยืนยันจากสัญญาณจากออสซิลเลเตอร์ (MACD, RSI) และรูปแบบแท่งเทียนเพื่อยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้ม

  • หากทองคำเป็นไปตามรูปแบบฤดูกาลที่แข็งแกร่งในเดือนมกราคม นี่อาจเป็นโอกาสในการเปิดสถานะ Long

  • ควรเก็บกำไรก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หากแนวโน้มเริ่มอ่อนแรง โดยเดือนมีนาคมเป็นเดือนที่ผลการเทรดทองคำแย่ที่สุดตามประวัติศาสตร์ ดังนั้นหากคุณเทรดตามข้อมูลฤดูกาล ควรปิดสถานะก่อนช่วงดังกล่าว

ช่วงเวลาเหมาะสมในการเทรดทองคำ

ราคาสปอตทองคำบนกราฟส่วนใหญ่จะถูกกำหนดราคาอ้างอิงในช่วงเวลาประมาณ 10:30 น. และ 15:00 น. ตามเวลา GMT หลังจากการประมูลรายวันโดยผู้เล่นหลักในตลาดทองคำ ซึ่งจัดการโดย London Bullion Market Association (LBMA) โดยราคาอ้างอิงเหล่านี้ถูกใช้โดยธนาคารใหญ่และสถาบันการเงินสำหรับการซื้อขายและชำระราคา

ราคามักแกว่งตัวรุนแรงทันทีหลังการกำหนดราคาอ้างอิงใหม่ เนื่องจากตลาดกำลังปรับตัว เทรดเดอร์จำนวนมากจะเปิดหรือปิดสถานะในช่วงนี้ เนื่องจากราคาอาจมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น

ในช่วง Daylight Saving Time การประมูลจะเลื่อนขึ้นมาเร็วกว่าปกติหนึ่งชั่วโมง เป็น 09:30 น. และ 14:00 น. ตามเวลา GMT นอกเหนือจากช่วงประมูลแล้ว การซื้อขายทองคำยังคงมีความคล่องตัว แต่ช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กทำการซ้อนทับกัน (12:00 –16:00 น. ตามเวลา GMT) มักจะมีสภาพคล่องสูงที่สุดและการเคลื่อนไหวของราคาที่สม่ำเสมอที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดทั้งสองเปิดทำการพร้อมกัน และมีธุรกรรมซื้อขายทองคำจำนวนมากเกิดขึ้นทั่วโลก

หมายเหตุสำคัญ: ทองคำจัดเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงที่สุดในตลาด ดังนั้นควรจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวังโดยการกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม ตั้งจุดตัดขาดทุนให้ห่างจากระดับแนวรับ-แนวต้านที่ชัดเจน ตระหนักถึงค่าธรรมเนียมการถือสถานะข้ามคืน และความเสี่ยงจากข่าวที่อาจทำให้ราคากระชากอย่างฉับพลัน การปกป้องเงินทุนควรมาก่อนการไล่ตามกำไรเสมอ

การจัดการความเสี่ยงเมื่อเทรดทองคำ

ราคาทองคำสามารถเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงได้ ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการหาจุดเข้าเทรดที่ดี ข่าวสารและช่องว่างของราคาสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อคำสั่งซื้อขายของคุณ แม้แต่สถานะขนาดเล็กก็สามารถนำไปสู่ความแกว่งตัวครั้งใหญ่เมื่อความผันผวนของตลาดเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เลเวอเรจ จงปกป้องเงินทุนของคุณให้ดี

ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง

โบรกเกอร์หลายแห่งอนุญาตให้เทรดทองคำด้วยเลเวอเรจสูงมาก แต่นั่นไม่ใช่ว่าคุณควรใช้เสมอไป ในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร เทรดเดอร์รายย่อยถูกจำกัดเลเวอเรจที่ 1:20 สำหรับทองคำ แต่ในตลาดที่อยู่นอกเหนือการควบคุม บางบัญชีอนุญาตให้ใช้เลเวอเรจสูงถึง 1:500 หรือมากกว่า เลเวอเรจระดับนั้นสามารถทำลายยอดคงเหลือในบัญชีของคุณได้หลังจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย ควรใช้เลเวอเรจในระดับต่ำสุดที่ยังคงให้ความยืดหยุ่นในการเทรด คุณคงไม่อยากให้การเคลื่อนไหวของทองคำเพียง 1% กลายเป็นภัยคุกคามต่อสถานะทางการเงินของคุณ

ตั้งจุดตัดขาดทุนโดยคำนึงถึงความผันผวนของตลาด

ช่วงราคารายวันของทองคำสามารถกว้างได้ ดังนั้นการตั้งจุดตัดขาดทุนแบบคงที่จึงไม่สมเหตุสมผลเสมอไป เทรดเดอร์จำนวนมากเลือกตั้งจุดตัดขาดทุนโดยอ้างอิงจากค่า Average True Range (ATR) ซึ่งเป็นการวัดความผันผวนล่าสุดของตลาด

การกำหนดขนาดสถานะ

สมมติว่าคุณมีบัญชีขนาด 10,000 ดอลลาร์ และต้องการเสี่ยงเพียง 1% ต่อคำสั่งซื้อขาย (100 ดอลลาร์)

หากจุดตัดขาดทุนของคุณอยู่ห่าง 5 ดอลลาร์ คุณสามารถเทรดได้ 0.2 ล็อต บน XAUUSD (เนื่องจากการเคลื่อนไหว 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 10 ดอลลาร์ ต่อ 0.1 ล็อต) ด้วยวิธีนี้ การขาดทุน 5 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะเท่ากับขีดจำกัดความเสี่ยง 100 ดอลลาร์ของคุณ

ระวังค่าธรรมเนียมการถือสถานะข้ามคืน

เมื่อคุณถือสถานะทองคำข้ามคืน โบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสวอปหรือโรลโอเวอร์ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สะท้อนถึงความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างทองคำ (ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน) และสกุลเงินที่ใช้เป็นฐาน เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หากคุณถือสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ค่าธรรมเนียมเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อาจรวมกันเป็นจำนวนที่มากได้ โดยเฉพาะสำหรับสถานะขนาดใหญ่ ควรตรวจสอบอัตราสวอปของโบรกเกอร์ของคุณและนำมาพิจารณาในแผนการเทรดเสมอ

ควบคุมอารมณ์ให้อยู่หมัด

ความผันผวนรวดเร็วของทองคำสามารถหลอกล่อให้คุณเทรดเกินขนาดหรือเคลื่อนย้ายจุดตัดขาดทุน จงยึดมั่นกับแผนที่วางไว้ ตัดสินใจเกี่ยวกับจุดเข้าเทรด จุดตัดขาดทุน และเป้าหมายอย่างสมเหตุสมผลก่อนเปิดสถานะและอย่าเสี่ยงด้วยการพยายามกู้คืนส่วนที่ขาดทุนไป

กลไกและต้นทุนในการเทรด

ก่อนที่คุณจะเปิดสถานะทองคำ การเข้าใจตัวเลขที่ทำงานอยู่เบื้องหลังจะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มูลค่าของ Pip หรือ Tick

ทองคำ (XAUUSD) ถูกอ้างอิงราคาในหน่วยดอลลาร์ต่อออนซ์ บนแพลตฟอร์มเทรดหลายแห่ง การเคลื่อนไหวขั้นต่ำของราคาหนึ่งเซ็นต์ (0.01 ดอลลาร์) จะถูกเรียกว่า "pip" เพื่อความสะดวกในการคำนวณ

  • หาก 1 pip = 0.01 ดอลลาร์ เช่นนั้นการเคลื่อนไหวของราคา 1 ดอลลาร์ ก็คือ 100 pips

  • 1.00 ล็อต = 100 ออนซ์ → การเคลื่อนไหว 1 ดอลลาร์ = 100 ดอลลาร์

  • 0.10 ล็อต = 10 ออนซ์ → การเคลื่อนไหว 1 ดอลลาร์ = 10 ดอลลาร์

  • 0.01 ล็อต = 1 ออนซ์ → การเคลื่อนไหว 1 ดอลลาร์ = 1 ดอลลาร์

โบรกเกอร์บางรายอาจกำหนดค่า 1 pip = 0.10 ดอลลาร์ แทน 0.01 ดอลลาร์ ดังนั้นควรตรวจสอบสัญญาของคุณเสมอ

ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาร์จิ้น

มาร์จิ้นที่ต้องการขึ้นอยู่กับเลเวอเรจและมูลค่าสัญญา

  • 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

  • 1 ล็อต เท่ากับ 100 ออนซ์ ดังนั้นมูลค่าสัญญาจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 ดอลลาร์

  • ด้วยเลเวอเรจ 1:20 มาร์จิ้นที่ต้องการจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์

เลเวอเรจที่สูงขึ้น หมายความว่าคุณสามารถควบคุมการเทรดขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนน้อยกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงมากขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวของราคาจะส่งผลมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสามารถทำให้กำไรหรือขาดทุนของคุณเกิดการแกว่งตัว

สเปรดและค่าคอมมิชชัน

คุณต้องจ่ายสเปรดเมื่อเปิดสถานะ สำหรับทองคำ ค่าสเปรดมักอยู่ที่ประมาณ 0.10 ถึง 0.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และสภาพตลาด แพลตฟอร์มบางแห่งยังเรียกเก็บค่าคอมมิชชันสำหรับแต่ละคำสั่งซื้อขาย โดยปกติอยู่ที่ 6 ถึง 10 ดอลลาร์ สำหรับการเปิดและปิดสถานะ

ค่าธรรมเนียมสวอปข้ามคืน

หากถือสถานะเกินเวลาโรลโอเวอร์ คุณจะต้องจ่ายหรือได้รับค่าธรรมเนียมสวอป เนื่องจากทองคำไม่จ่ายดอกเบี้ย การถือสถานะ Long จึงมักเกิดต้นทุนเล็กน้อยในแต่ละวัน ในขณะที่การถือสถานะ Short บางครั้งอาจได้รับเครดิตเล็กน้อย อัตราดังกล่าวจะแตกต่างกันไปตามโบรกเกอร์และสภาพอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นควรตรวจสอบวิธีการคำนวณของแพลตฟอร์มที่คุณใช้

ตัวอย่างที่ 4,000 ดอลลาร์

  • คุณซื้อทองคำขนาด 0.10 ล็อต โดยราคาเคลื่อนไหวจาก 4,000.00 ดอลลาร์ เป็น 4,005.00 ดอลลาร์

  • กำไรหรือขาดทุนก่อนหักค่าใช้จ่าย: ราคาเปลี่ยนแปลง 5 ดอลลาร์ x 10 ดอลลาร์ ต่อการเคลื่อนไหว 1 ดอลลาร์ = 50 ดอลลาร์

  • ค่าสเปรด: หากสเปรดอยู่ที่ 0.20 ดอลลาร์ เช่นนั้น 10 ออนซ์ × 0.20 ดอลลาร์ = 2 ดอลลาร์

  • ค่าธรรมเนียมสวอปข้ามคืน หากถือสถานะหนึ่งวัน ก็จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1-3 ดอลลาร์ สำหรับขนาดนี้

  • กำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย: ประมาณ 45 ถึง 47 ดอลลาร์

ทุกคำสั่งซื้อขายทองคำจะมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่ ดังนั้นคุณควรทำความเข้าใจนิยาม pip หรือ tick ของโบรกเกอร์คุณ ยืนยันมาร์จิ้นที่ต้องการ รวมค่าสเปรดและค่าคอมมิชชันเข้าไปในการคำนวณ และคำนึงถึงค่าธรรมเนียมสวอป หากคุณวางแผนถือสถานะข้ามคืน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณกำหนดขนาดสถานะได้อย่างสมเหตุสมผลและหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนได้

ข้อผิดพลาดทั่วไปในการเทรดทองคำ

เข้าซื้อขายทันทีหลังข่าวออก

รายงานสำคัญ ๆ เช่น CPI, NFP หรือการตัดสินใจของ Fed สามารถทำให้ราคาทองคำผันผวนรุนแรง หากคุณเข้าซื้อขายทันทีหลังข่าวออก มีโอกาสสูงที่คุณจะถูกดีดออกมาก่อนที่แนวโน้มจริงจะปรากฏชัด

ไม่สนใจอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

อย่ามุ่งสนใจแต่ค่าเงินดอลลาร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้วเป็นหนึ่งในแรงผลักดันหลักที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวระยะยาวของทองคำ การเทรดสวนกับกระแสนี้ก็เหมือนกับการพยายามว่ายทวนน้ำ

ใช้เลเวอเรจสูงเกินไป

ข้อความพร้อมพื้นหลัง ทองคำสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและรุนแรง

อาจเกิดช่องว่างราคา (Gap) อย่างมากหลังข่าวออกในเวลากลางคืน หากคุณเปิดสถานะขนาดใหญ่เกินไปหรือใช้เลเวอเรจสูงเกินไป การเคลื่อนไหวที่รุนแรงอาจทำให้ยอดในบัญชีของคุณหมดได้ง่าย ๆ

พึ่งพาความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว

ความสัมพันธ์ของทองคำกับค่าเงินดอลลาร์หรือดอลลาร์ออสเตรเลียนั้นมีประโยชน์ แต่ไม่ใช่เรื่องตายตัว ในยามวิกฤต ตลาดสามารถทำลายความสัมพันธ์เหล่านั้นได้ ควรตรวจสอบเสมอว่าราคากำลังบอกอะไรคุณจริง ๆ ก่อนเทรด

มองความเคลื่อนไหวตามฤดูกาลเป็นเรื่องแน่นอน

ทองคำมักมีแนวโน้มขึ้นในช่วงต้นปี แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป จงใช้ความเคลื่อนไหวตามฤดูกาลเป็นเพียงแนวทางประกอบ และรอการยืนยันจากกราฟหรือตัวบ่งชี้ก่อนเทรด

ไม่สนใจช่วงเวลาที่สำคัญ

มีปริมาณการซื้อขายไหลเข้ามากในช่วงที่มีการประมูลทองคำสำคัญ ๆ เกิดขึ้น ประมาณ 10:30 น. และ 15:00 น. ตามเวลา GMT หากคุณเทรดในเวลาที่ตลาดเงียบกว่า คุณอาจพบว่าตัวเองติดอยู่ในตลาดที่ขาดพลังและไม่มีแนวทางที่ชัดเจน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ฉันสามารถเทรดทองคำได้ในช่วงเวลาใดบ้าง?

ทองคำ (XAUUSD) สามารถเทรดได้เกือบตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในช่วงตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก และจะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษประมาณ 10:30 น. และ 15:00 น. ตามเวลา GMT เมื่อมีการประมูลทองคำ นอกเหนือจากช่วงเวลาเหล่านี้ การเคลื่อนไหวของราคาอาจช้าและไม่สม่ำเสมอ

การเทรดทองคำต้องใช้ขนาดสถานะขั้นต่ำเท่าไร?

นั่นขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ของคุณ แพลตฟอร์มหลายแห่งอนุญาตให้คุณเริ่มเทรดด้วยล็อตขนาดเล็ก (0.01) ซึ่งเทียบเท่าทองคำหนึ่งออนซ์ ขนาดที่เล็กกว่านี้มีประโยชน์เมื่อคุณกำลังเรียนรู้ เพราะจะช่วยควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่จัดการได้

ทำไมทองคำถึงตอบสนองต่อข่าวอย่างรุนแรง?

ทองคำมีความไวต่อการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น CPI, NFP และการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของ Fed รายงานเหล่านี้เปลี่ยนความคาดหมายเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ผลตอบแทนพันธบัตร และค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อราคาทองคำ ช่วงไม่กี่นาทีแรกหลังข่าวออกอาจปั่นป่วนมาก ดังนั้นการรอให้แนวทางชัดเจนก่อนเข้าซื้อขายจึงมักปลอดภัยกว่า

อภิธานศัพท์

XAUUSD

สัญลักษณ์ของทองคำที่ระบุเป็นราคาดอลลาร์สหรัฐ "XAU" คือรหัสแทนทองคำหนึ่งทรอยออนซ์

LBMA Fix

สมาคมตลาดทองคำลอนดอน (LBMA) จะกำหนดราคาอ้างอิงสำหรับทองคำวันละสองครั้ง ธนาคารรายใหญ่และสถาบันการเงินใช้ราคานี้ในการซื้อขาย และมันมักทำหน้าที่เป็นเหมือนจุดยึดเหนี่ยวของตลาด

DXY

ชื่อย่อของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะวัดค่าดอลลาร์สหรัฐเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักต่าง ๆ ทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม เนื่องจากมันถูกกำหนดราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ

อัตราผลตอบแทนจริง (Real Yields)

นี่คือผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลหลังจากหักอัตราเงินเฟ้อแล้ว เมื่ออัตราผลตอบแทนจริงลดลง ทองคำมักจะได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะมันไม่จ่ายดอกเบี้ย ในทางกลับกัน เมื่ออัตราผลตอบแทนจริงเพิ่มขึ้น ทองคำมักจะทำได้ไม่ดี

โรลโอเวอร์ (Rollover)

หากคุณถือสถานะทองคำข้ามคืน โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเงินทุนจำนวนเล็กน้อยหรือให้เครดิต "การโรลโอเวอร์" นี้สะท้อนถึงต้นทุนของการถือสถานะข้ามช่วงเวลาที่ตลาดปิด

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT4 บน
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT5 บน
App Store

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

ผลกระทบต่อสังคมของเรา

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: The Bentley, #16 Cor A Street & Princess Margaret Drive, Belize City, Belize

FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, อินเดีย, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และเมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น