ภาพรวมตลาด
แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นจะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในด้านรายได้และการจ้างงาน แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเปราะบางอย่างมีนัยสำคัญ เศรษฐกิจหดตัวลง 0.2% ในไตรมาสแรก ซึ่งแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ บังคับใช้ ซึ่งฉุดให้การส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การใช้จ่ายของครัวเรือนก็ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สอง สะท้อนแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม
ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดการเงินญี่ปุ่นกำลังเผชิญแรงกดดันจากภาวะอุปสงค์พันธบัตรรัฐบาลที่อ่อนแอที่สุดในรอบปี โดยความกังวลเรื่องขาดดุลงบประมาณและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ได้ผลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อัตราส่วน bid-to-cover ในการประมูลพันธบัตรอายุ 40 ปีลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือน บ่งชี้ถึงความลังเลของนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ทั้งนี้ หากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินหรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดการเงินในระยะสั้นและฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนโดยรวม
นอกจากนี้ อดีตกรรมการ BOJ ยังออกมาเตือนว่าความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยในระยะใกล้อาจลดลง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อในปีหน้าอาจต่ำกว่าเป้าหมายที่ BOJ ตั้งไว้ ผนวกกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะท่าทีของสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีนำเข้า ทำให้ภาพรวมยังคงมีความเสี่ยงในหลายด้าน ซึ่งอาจกดดันดัชนี JP225 ให้เผชิญกับแรงขายต่อเนื่องในระยะสั้นถึงกลาง ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นกลางเดือนนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีผลต่อแนวโน้มตลาดหุ้นโดยตรงในช่วงถัดไป
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
JP225
ดัชนี JP225 ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด โดยราคาล่าสุดได้ปรับตัวขึ้นมาทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณกรอบสีแดงบนกราฟรายวันอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นจุดที่นักลงทุนควรระมัดระวัง เนื่องจากบริเวณนี้เป็นโซนที่มีแรงขายสะสมอยู่หนาแน่นในอดีต และมักเป็นจุดที่ราคาเกิดการกลับตัวลงในหลายครั้งที่ผ่านมา ด้านเครื่องมือ RSI ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่แถวระดับ 55 แม้ยังไม่เข้าสู่ภาวะซื้อเกิน แต่ก็ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 60 ได้อย่างมั่นคง ซึ่งสะท้อนถึงแรงซื้อที่ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ขณะที่ค่า MACD ยังคงอยู่ในแดนบวก แต่เริ่มมีการชะลอตัวของแถบฮิสโตแกรม สะท้อนถึงการลดลงของโมเมนตัมในฝั่งบวก หากราคายังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านสีแดงได้อย่างเด็ดขาด ก็มีโอกาสที่ตลาดจะเผชิญแรงเทขายระลอกใหม่ และอาจปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 35,253 จุด แต่ในทางกลับกัน หากราคาสามารถเบรกผ่านแนวต้านดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง ก็จะเป็นสัญญาณสำคัญที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของโมเมนตัมเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน
JP225 (DAILY)
