ภาพรวมตลาด
Intel ลรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยพลิกจากภาวะขาดทุนในปีก่อนกลับมามีกำไรสุทธิ (GAAP) 4.06 พันล้านดอลลาร์ หรือ 0.90 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1.365 หมื่นนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.8% แบบเปรียบเทียบปีต่อปี และสูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แรงขับเคลื่อนหลักมาจากยอดขาย AI PCs ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความต้องการอัปเกรดเครื่องที่ใช้ระบบ Windows 11 ซึ่งช่วยหนุนรายได้ของกลุ่ม Client Computing Group (CCG) เพิ่มขึ้นเป็น 8.53 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้น (non-GAAP) ฟื้นจาก 18% สู่ 40% สะท้อนการฟื้นตัวเชิงโครงสร้างและส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะชิปรุ่นใหม่ Lunar Lake และ Arrow Lake ที่ได้รับการตอบรับดีจากตลาดและตอกย้ำการกลับมาของอินเทลในตลาดพีซีประสิทธิภาพสูง
กลยุทธ์ IDM 2.0 ของอินเทลเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม บริษัทได้ปรับโครงสร้างเข้าสู่โมเดลโรงงานผลิตภายใน (Internal Foundry Model) เพื่อแยกหน้าที่ระหว่างฝ่ายออกแบบและฝ่ายผลิตอย่างชัดเจน ส่งผลให้การจัดการต้นทุนและการส่งมอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ อินเทลยังได้รับเงินสนับสนุนกว่า 7.86 พันล้านดอลลาร์ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้โครงการ CHIPS and Science Act เพื่อนำไปขยายโรงงานผลิตในรัฐแอริโซนาและโอไฮโอ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ อีกทั้งยังได้การลงทุนจากพันธมิตรระดับโลกอย่าง NVIDIA (5 พันล้านดอลลาร์) และ SoftBank (2 พันล้านดอลลาร์) เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ของการประมวลผล ความร่วมมือเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเสริมแหล่งเงินทุนเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือของแผนฟื้นฟูธุรกิจในสายตานักลงทุนทั่วโลก
ในด้านผลิตภัณฑ์ อินเทลเร่งเดินหน้าเปิดตัวนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย Intel Core Ultra Series 3 (Panther Lake) ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยี Intel 18A ขั้นสูงสุดในสหรัฐฯ เตรียมวางตลาดต้นปี 2026 เพื่อรองรับความต้องการ พีซี AI ขณะที่ฝั่งศูนย์ข้อมูลจะมี Xeon 6+ (Clearwater Forest) รุ่นใหม่สำหรับองค์กรและผู้ให้บริการคลาวด์ที่ต้องการลดต้นทุนพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI การเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และจะวางรากฐานสำคัญให้กับการเติบโตในตลาด AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในทุกระดับ ทั้งคลาวด์ เอดจ์ และองค์กร นอกจากนี้ การได้รับเลือกจากบริษัทโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่ เช่น Super Micro, AT&T, Verizon และ Samsung ให้นำ Xeon 6 ไปใช้ในระบบศูนย์ข้อมูลและเครือข่ายอัจฉริยะ ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของตลาดต่อเทคโนโลยีของอินเทลในฐานะผู้นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลกอย่างแท้จริง
ภาพรวมทางการเงินของอินเทลกลับมาแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 อยู่ที่ 5.41 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน และยังมีเงินสดในมือกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพียงพอต่อการลงทุนเชิงรุกในโครงการโรงงานและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อินเทลยังปรับพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยขายหุ้น 51% ของ Altera ให้ Silver Lake เพื่อปลดล็อกมูลค่า และเตรียมแยก Intel Capital ออกเป็นนิติบุคคลอิสระเพื่อดึงดูดเงินทุนภายนอกมากขึ้น การเคลื่อนไหวเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถโฟกัสไปที่ธุรกิจหลักด้าน AI, Foundry และโครงสร้างพื้นฐานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
INTEL
ราคาหุ้น Intel ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นที่แข็งแกร่ง หลังจากราคาสามารถทะลุผ่านกรอบราคาสีแดงขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเคลื่อนไหวยังคงอยู่ภายในกรอบเทรนไลน์ขาขึ้นอย่างมั่นคง แสดงถึงโครงสร้างตลาดที่ยังสนับสนุนฝั่งบวกในระยะสั้นถึงกลาง หากแรงซื้อยังคงหนุนต่อเนื่อง ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 46 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางจิตวิทยาของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดกรอบแนวรับบริเวณ 36 ดอลลาร์ลงมา อาจส่งสัญญาณว่าโมเมนตัมขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง โดยแนวรับถัดไปจะอยู่บริเวณ 32 ดอลลาร์
INTEL (DAILY)

