ภาพรวมตลาด
ราคาหุ้น Starbucks (SBUX) เริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากปรับฐานลงแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยพื้นฐานล่าสุดสะท้อนภาพการฟื้นตัวของยอดขายทั่วโลกอย่างชัดเจน รวมถึงความคืบหน้าของแผนยุทธศาสตร์ “Back to Starbucks” ที่เริ่มออกดอกผลในไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2025 บริษัทมียอดขายรวมเพิ่มขึ้น 5% แบบเปรียบเทียบปีต่อปี แตะระดับ 9.6 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดขายร้านเดิมทั่วโลก (comparable-store sales) พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบกว่า 7 ไตรมาส นำโดยตลาดจีนที่เติบโต 2% และสหรัฐฯ ที่ทรงตัวได้ ถือเป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมา ขณะเดียวกัน การลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านบริการร้านค้า เมนูนวัตกรรม และแคมเปญการตลาดใหม่ ๆ ช่วยดึงลูกค้ากลับเข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนการฟื้นตัวเชิงโครงสร้างในธุรกิจหลักที่เริ่มเกิดขึ้นจริง
แรงหนุนระยะกลางมาจากการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกของ Brian Niccol CEO คนใหม่ ซึ่งมุ่งปรับโครงสร้างร้านและยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเป็นรูปธรรม โครงการ Green Apron Service และโปรแกรมปรับปรุงร้าน “Coffeehouse Uplift” ช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยและอบอุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกัน การนำระบบ SmartQ เข้ามาใช้ในสาขาหลัก ช่วยลดระยะเวลาให้บริการและเพิ่มจำนวนธุรกรรมเฉลี่ยต่อร้าน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานดีขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ช่องทางเดลิเวอรีในสหรัฐฯ ขยายตัวกว่า 30% และจำนวนสมาชิก Starbucks Rewards เพิ่มเป็นกว่า 34 ล้านราย สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์ดิจิทัลและระบบสะสมแต้มที่ช่วยสร้างความภักดีและเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (Lifetime Value)
ตลาดจีนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโต โดยยอดขายร้านเดิมในจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน จากจำนวนธุรกรรมที่ขยายตัวกว่า 6% พร้อมแรงหนุนจากเมนูเครื่องดื่มที่ปรับให้เข้ากับรสนิยมผู้บริโภคท้องถิ่น ขณะเดียวกันมีรายงานจาก Bloomberg ว่า Starbucks อยู่ระหว่างการเจรจาขายหุ้นบางส่วนในธุรกิจจีนให้กับ Boyu Capital มูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง จะช่วยปลดล็อกมูลค่ากิจการ เพิ่มสภาพคล่อง และลดความเสี่ยงเชิงโครงสร้างในตลาดจีนโดยไม่สูญเสียอิทธิพลการบริหาร การร่วมทุนในลักษณะนี้จึงถูกมองว่าเป็น “win-win” ที่จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาการเติบโตในตลาดที่มีศักยภาพสูงได้อย่างยั่งยืน
แม้อัตรากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสล่าสุดจะลดลงมาอยู่ที่ 9.4% จากแรงกดดันด้านต้นทุนแรงงานและเงินเฟ้อ แต่แนวโน้มข้างหน้ากลับเริ่มดีขึ้นตามแผนเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนของฝ่ายบริหาร แต่นักวิเคราะห์จาก Morningstar ยังมองว่าราคาสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ เนื่องจาก Starbucks ยังคงมี “wide moat” จากพลังของแบรนด์ ระบบซัพพลายเชนระดับโลก และฐานลูกค้าประจำที่เหนียวแน่น การขยายสาขาในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมเมนูใหม่ เช่น กาแฟเสริมโปรตีน และเครื่องดื่ม cold foam รุ่นพิเศษ จะเป็นแรงขับสำคัญต่อยอดขายและอัตรากำไรในปีถัดไป ขณะเดียวกัน การลงทุนในพนักงานและเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยยกระดับเสถียรภาพและสร้างการเติบโตระยะยาวโดยรวมแล้ว ปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มฟื้น ความสำเร็จของกลยุทธ์ “Back to Starbucks” และแนวทางการบริหารเชิงรุกของผู้บริหาร ล้วนหนุนให้แนวโน้มราคาหุ้น Starbucks (SBUX) มีโอกาส กลับมาปรับตัวขึ้นได้ แม้ว่าราคาจะปรับตัวลงค่อนข้างเยอะในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
SBUX
ราคาหุ้น Starbucks Corp (SBUX) ปรับตัวลงมาทดสอบกรอบแนวรับสีแดงอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้บริเวณดังกล่าวเคยเป็นจุดที่ราคาหยุดร่วงและกลับตัวขึ้นได้ แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังคงปกป้องโซนนี้ไว้อย่างแข็งแกร่ง หากราคายังสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 77 ดอลลาร์ได้ ก็มีแนวโน้มที่ราคาจะดีดตัวกลับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 93 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม หากแรงขายกลับมามากพอและราคาหลุดกรอบแนวรับลงมาอย่างชัดเจน จะกลายเป็นสัญญาณลบที่อาจเปิดทางให้ราคาปรับตัวลงต่อ เพื่อทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 75.42 ดอลลาร์
SBUX (DAILY)

